ผลแห่งการถวายทาน
ภพของเราหยั่งลงถึงมหาสมุทร ตกแต่งดีแล้ว สระโปกขรณี ตกแต่ง สวยงาม มีนกจากพรากส่งเสียงร้องอยู่ ดาดาษด้วยบัวขม บัวเผื่อนบัวหลวงและอุบล ในสระนั้นมีน้ำไหล มีท่าน้ำราบเรียบ น่ารื่นรมย์ใจ มีปลาและเต่าชุกชุม มีเนื้อต่างๆ ลงกินน้ำ มีนกยูง นกกระเรียนและนกดุเหว่า เป็นต้นร่ำร้องด้วยเสียงไพเราะ นกเขา นกเป็ดน้ำ นกจากพราก นกกาน้ำ นกต้อยตีวิด นกสาลิกา นกค้อนหอย นกโพระดก หงส์ นกกระเรียน นกแสกสิงคลา (หมาจิ้งจอก) เที่ยวอยู่มากมาย สระโปกขรณีสมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ มีแก้วมณี ไข่มุกและทราย ต้นไม้ทั้งหลาย เป็นสีทองทั้งหมด มีกลิ่นหอมต่างๆ ฟุ้งขจรไป ส่องภพของเราให้สว่าง ไสวตลอดกาลทั้งปวง ทั้งกลางวันกลางคืน ดนตรี ๖ หมื่น ประโคมอยู่ทั้งเวลาเย็นเวลาเช้า หญิง ๑๖๐๐ คน ห้อมล้อมเราอยู่ทุกเมื่อ เราออกจากภพแล้ว ได้เห็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าสุเมธ ผู้นำของโลก มีจิตเลื่อมใสโสมนัส ได้ถวายบังคมพระองค์ผู้มียศมาก ครั้นถวายบังคมแล้ว ได้ทูลนิมนต์ พระองค์พร้อมด้วยศิษย์พระพุทธเจ้าผู้เป็นนักปราชญ์ พระนามว่า สุเมธ ผู้นำของโลก ทรงรับ พระมหามุนีกล่าวธรรมกถาแก่เราแล้วทรงส่งเราไป เราถวายบังคมพระสัมพุทธเจ้า แล้วกลับเข้าภพของเรา เราเรียกบริวารชนมาว่า ท่านทั้งหมดมาประชุมกัน เวลาเช้า พระพุทธเจ้าจะเสด็จมาสู่ภพของเรา การที่เราทั้งหลายจะได้อยู่ในสำนักของพระองค์ เป็นลาภที่เราทั้งหลายได้ดีหนอ แม้เราทั้งหลายจักทำการบูชาแด่พระพุทธเจ้า ผู้ประเสริฐสุด ผู้ศาสดา เราตระเตรียมข้าวและน้ำเสร็จแล้ว จึงกราบทูลภัตกาลพระพุทธเจ้าผู้นำของโลก เสด็จเข้ามาพร้อมด้วยพระอรหันต์หนึ่งแสนเราได้ทำการต้อนรับด้วยสังคีตและดนตรี พระพุทธเจ้าผู้เป็นอุดมบุรุษประทับนั่งบนตั่งทองล้วน ในกาลนั้น หลังคาเบื้องบนก็มุงด้วยทองล้วนๆคนทั้งหลายโบกพัดถวายในระหว่างภิกษุสงฆ์ เราได้อังคาสภิกษุสงฆ์ให้อิ่มหนำด้วยข้าวและน้ำเพียงพอ ได้ถวายผ้าแก่ภิกษุสงฆ์รูปละ ๑ คู่พระพุทธเจ้าที่เขาเรียกพระนามว่าสุเมธ ผู้สมควรรับเครื่องบูชาของโลกประทับนั่งในท่ามกลางภิกษุสงฆ์แล้ว ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า ผู้ใดอังคาสเราให้อิ่มหนำด้วยข้าวและน้ำทั้งปวง เราจักพยากรณ์ผู้นั้น ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าว ผู้นั้นจักรื่นรมย์อยู่ในเทวโลกตลอด ๑๘๐๐ กัลปจักได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิราช ๑๐๐๐ ครั้ง ผู้นั้นจะเข้าถึงกำเนิดใด คือเป็นเทวดาหรือมนุษย์ ในกำเนิดนั้น หลังคาทองล้วนๆ จักกั้นร่มให้ในทุกขณะ ใน ๓ หมื่นกัลป พระศาสดามีพระนามชื่อว่าโคดม ซึ่งมีสมภพใน
วงศ์พระเจ้าโอกกากราช จักเสด็จอุบัติในโลก ผู้นั้นจักเป็นทายาทในธรรมของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น เป็นโอรสอันธรรมนิรมิต จักกำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้ว เป็นผู้ไม่มีอาสวะนิพพาน จักนั่งในท่ามกลางภิกษุสงฆ์แล้วบันลือสีหนาท ชนทั้งหลายจะกั้นฉัตรไว้ที่เชิงตะกอน จักเผาภายใต้ฉัตรสามัญผลบรรลุแล้วโดยลำดับ กิเลสทั้งหลายเราเผาแล้ว ความเร่าร้อนไม่มีแก่เราที่มณฑปหรือที่โคนไม้ ในกัลปที่ ๓ หมื่น แต่กัลปนี้ เราได้ถวายทานใด ในกาลนั้น ด้วยทานนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งทานทุกสิ่ง
เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ถอนภพขึ้นได้หมดแล้ว ตัดกิเลสเครื่องผูกดังช้างตัดเชือกแล้ว เป็นผู้ไม่มีอสวะอยู่ การที่เราได้มาในสำนักของพระพุทธเจ้าของเรานี้ เป็นการมาดีแล้วหนอ วิชชา ๓ เราบรรลุแล้วโดยลำดับ พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระสัพพทายกเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล.จบ สัพพทายกเถราปทาน.
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๒ บรรทัดที่ ๘๗๔๐ - ๘๗๘๗. หน้าที่ ๓๙๗ - ๓๙๘.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น